วันเสาร์ที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2558

Hayate no Gotoku ฮายาเตะ พ่อบ้านประจัญบาน [รีวิวอนิเมะที่ดูแล้ว]

ハヤテのごとく!
Hayate the Combat Butler
ฮายาเตะ พ่อบ้านประจัญบาน


52 ตอน (SS1)
แนว คอมเมดี้
ฉายเมื่อ 1 April 2007 – 30 March 2008

ภาพรวม : เรื่องนี้มีทั้งฮาบ้าง ไม่ฮาบ้าง ดูเรื่อย ๆ คลายเครียดดี 

การดำเนินเรื่อง : เป็นแนวคอมเมดี้เรื่อยเปื่อย ชีวิตประจำวัน

ภาพ กราฟฟิก : ภาพสวย ในสมัยนั้น

เนื้อหา : เนื้อหาคอมเมดี้ เหมาะกับทุกเพศทุกวัย

ความรู้สึก : รู้สึกดี

ความน่าสนใจ : น่าสนใจดีอยู่

เรื่องย่อ : "เกี่ยวกับเด็กหนุ่ม ผู้ขยันขันแข็งนามว่า "อายาซากิ ฮายาเตะ" แต่มีพ่อแม่ที่เอาแต่เล่นการพนันจนเป็นหนี้และชดใช้โดยการขายลูกชายให้พวกมาเฟียแต่จับพลัดจับผลูไปเจอกับ "ซันเซน
อิง นางิ"คุณหนูของตระกูลอภิมหาเศรษฐี จนได้มาเป็นพ่อบ้านตะกูลซันเซนอิงเพื่อใช้หนี้ อายาซากิ ฮายาเตะ ได้ชื่อว่าเป็นเด็กส่งของที่รวดเร็วที่สุด แต่ถูกไล่ออกจากงานส่งของในวันคริสต์มาสอีฟเนื่องจากอายุไม่ถึงเกณฑ์ เมื่อเขากลับไปบ้านก็พบว่าพ่อแม่ของเขาเสียเงินไปกับการพนันจนเหลืออยู่ เพียง 12 เยน และติดหนี้กับแก๊งยากูซ่าถึง 156,804,000 เยน และพ่อแม่ของเขาตั้งใจจะขายฮายาเตะเพื่อชดใช้หนี้เป็นของขวัญวันคริสต์มาส ฮายาเตะได้หลบหนีออกมาและพยายามจะลักพาตัว ซันเซนอิง นางิ เพื่อนำเงินมาใช้หนี้ แต่แผนการผิดพลาดเพราะเขาพูดชื่อตัวเองออกมา ความตั้งใจของฮายาเตะในครั้งนั้นทำให้นางิเข้าใจผิดว่าฮายาเตะต้องการจะ สารภาพรักกับตนฮายาเตะได้นอนลงเพื่อรอที่จะหนาวตาย แต่มีจักรยานแล่นมาทับเขา และทำให้เขาได้พบกับมาเรีย พี่เลี้ยงของนางิ ฮายาเตะได้โกหกเธอว่าไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับนางิ แต่ความมุ่งมั่นของเขาก็ได้กลับมาเมื่อมาเรียมอบผ้าพันคอให้กับเขา และฮายาเตะได้ช่วยเหลือนางิจากการถูกลักพาตัวโดยสองพี่น้องที่ติดหนี้จากยา กูซ่าแก๊งเดียวกัน หลังจากนั้น เขาได้ให้เธอช่วยหางานใหม่ให้เขา ซึ่งต่อมาทำให้เขาได้เป็นพ่อบ้านคนใหม่ของนางิ ผู้ซึ่งทำหน้าที่ปกป้องเธอจากอันตรายต่าง ๆ..."

Hayate no Gotoku! ฮายาเตะ พ่อบ้านประจัญบาน Season 2 [รีวิวอนิเมะที่ดูแล้ว]


ハヤテのごとく!!
Hayate no Gotoku!
Hayate the Combat Butler
ฮายาเตะ พ่อบ้านประจัญบาน


Season 2
แนว คอมเมดี้
25 ตอน
ฉายเมื่อ 3 April 2009 – 18 September 2009

ภาพรวม : ดู ๆ ไปมันก็เรื่อย ๆ ดี ฮาบ้าง ไม่ฮาบ้างดีนะ ^^

การดำเนินเรื่อง : เป็นคอมเมดี้แนวเรื่อยเปื่อย

ภาพ กราฟฟิก : ภาพดี ในสมัยนั้น

เนื้อหา : เนื้อหาเหมาะกับทุกเพศทุกวัย

ความรู้สึก : ดี

ความน่าสนใจ : น่าสนใจอยู่

เรื่องย่อ : ต่อมาจาก Seasons แรก

Hayate no Gotoku : Can't Take My Eyes Off You ฮายาเตะ พ่อบ้านประจันบาน [รีวิวอนิเมะที่ดูแล้ว]

ハヤテのごとく! : Can't Take My Eyes Off You
Hayate the Combat Butler : Can't Take My Eyes Off You
ฮายาเตะ พ่อบ้านประจันบาน



แนว คอมเมดี้ แฟนตาซี
12 ตอนจบ
ฉายเมื่อ 4 October 2012 – 20 December 2012


ภาพรวม : สำหรับภาคนี้ ไม่ใช่ภาคต่อ แต่เป็นออริจินอลที่ทำขึ้นมาใหม่
เปิดมาตอนแรกถึงกับอึ้ง "เฮ้ย นี่มันเรื่องเดียวกันป่าวฟะ" เลยทีเดียว ภาพ และดีไซน์ตัวละครเปลี่ยนไปมาก ไม่เหมือนที่เคยดูใน ss1 - ss2 เลยสักนิด บางตัวละครก็ดูเปลี่ยนลุคไปเลย แต่ถามว่าสนุกมั้ย เออ ผูกเรื่องได้สนุกดี คิดได้ไงฟะเนี่ย ตอนหลัง ๆ พีคมาก ก็ตรงที่ปริศนาทั้งหมดไขประจ่างแล้ว!! นั่นเอง

การดำเนินเรื่อง : ช่วงแรก ๆ ดูเรื่อยเปื่อย แต่ช่วงกลาง ๆ เป็นต้นไปก็เข้าเนื้อหาหลัก

ภาพ กราฟฟิก : ไม่ชอบภาพของภาคนี้เลย มันดูสวยก็จริง แต่ทำให้บุคลิกของตัวละครดูผิดเพี้ยนไป

เนื้อหา : การผูกเรื่อง และวางพล็อตทำออกมาได้ดีเลยทีเดียว

ความรู้สึก : กลาง ๆ ไม่ชอบภาพตัวละครที่แปลกไป แต่เนื้อเรื่องดี

ความน่าสนใจ : นับว่ายังน่าสนใจอยู่

เรื่องย่อ : "ไม่ต้องย่อหรอก"

Hayate no Gotoku : Cuties ฮายาเตะ พ่อบ้านประจัญบาน ภาค คิวท์ตี้ [รีวิวอนิเมะที่ดูแล้ว]


ハヤテのごとく! : Cuties
Hayate the Combat Butler : Cuties
ฮายาเตะ พ่อบ้านประจัญบาน season 4


แนว คอมเมดี้ แอคชั่น แฟนตาซี
12 ตอนจบ
ฉายเมื่อ 8 April 2013 – 1 July 2013

ภาพรวม : ภาคนี้เรื่องภาพรู้สึกดีกว่า ss3 มาก คือ ดูแล้วมันยังโอเคกว่าภาพของ ss3 ตั้งเยอะเลย ตัวละครไม่ดูแตกต่างจนเกินไป (จากในภาคแรก ๆ) เนื้อเรื่องเนื้อหายังคงเรื่อยเปื่อยสไตล์คอมเมดี้ต่อไป แต่ตอนจบก็มีเหตุการณ์เล็ก ๆ น้อยที่ตามมาจากภาคก่อน ๆ

การดำเนินเรื่อง : สไตล์การดำเนินเรื่องแบบเรื่อย ๆ หรือเรื่อยเปื่อย มีหลากหลายปัญหา และความวุ่นวายเข้ามา

ภาพ กราฟฟิก : ภาคนี้ภาพสวยดี

เนื้อหา : เนื้อหาเป็นคอมเมดี้เหมาะกับทุกเพศทุกวัย

ความรู้สึก : สนุกดีนะ

ความน่าสนใจ : อยู่ในระดับค่อนข้างมาก

เรื่องย่อ : มันต่อเนื่องมาจากภาค 3 เล็กน้อย และ"ไม่รู้จะย่ออะไรดี"

Grisaia no Kajitsu -LE FRUIT DE LA GRISAIA [รีวิวอนิเมะที่ดูแล้ว]

グリザイアの果実 -LE FRUIT DE LA GRISAIA
Grisaia no Kajitsu -LE FRUIT DE LA GRISAIA
The Fruit of Grisaia
ฮาเร็มในรั้วโรงเรียน

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ Grisaia no Rakuen Le Eden de la Grisaia

แนว ฮาเร็ม ดราม่า แอคชั่น คอมเมดี้ เซอร์วิส

Grisaia no Kajitsu -LE FRUIT DE LA GRISAIA 13 ตอนจบ (+SP 18+)
ฉายเมื่อ 5 October 2014 – 28 December 2014

Grisaia no Rakuen- Le Eden de la Grisaia 10 ตอนจบ (+SP 18+)
ฉายเมื่อ 9 April 2015 – 21 June 2015

The Movie : Le Labyrinthe de la Grisaia
ฉายเมื่อ 12 April 2015

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ Grisaia no Rakuen Le Eden de la Grisaia

ภาพรวม : คุณพี่คิสุกิ สุดยอด!!!! เรื่องนี้ มาจากเกมเรท แนวคุยเข้ารูทจับกด 18+
เอามาตัดฉาก XXX ออกไป ก็กลายเป็นอนิเมะที่มีเนื้อหาดีเรื่องหนึ่งเลยทีเดียว เนื้อเรื่องลึก และซับซ้อนมาก จนไม่อยากคิดว่า เฮ้ย นี่มัน Ero-Game จริง ๆ เหรอ!!
อยากดูเซอร์วิสแบบ "จะจะ" Uncen ก็ต้องหาแบบ BD มาดูเอานะ อิอิ

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ Grisaia no Rakuen Le Eden de la Grisaia

การดำเนินเรื่อง : ภาคแรกเป็นการดำเนินเรื่องแบบตามรูทของตัวละคนหญิงแต่ละคน ภาคสองเป็นเรื่องอดีตของตัวพระเอก ที่สาว ๆ ต้องมารวมกลุ่มกันช่วยเหลือ ฯ

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ Grisaia no Rakuen Le Eden de la Grisaia

ภาพ กราฟฟิก : ภาพสวยดีมาก กราฟฟิกดี ตัวละครสาว ๆ น่ารักดี

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ Grisaia no Rakuen Le Eden de la Grisaia

เนื้อหา : อย่างที่บอก ตัดฉาก xxx ในเกมออกไป ก็มีเนื้อหาที่ดี ลึก และซับซ้อนเลยทีเดียว

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ Grisaia no Rakuen Le Eden de la Grisaia


ความน่าสนใจ : น่ารัก โมเอะ เข้มข้น สนุก น่าสนใจมาก อุ๊ปส์ เช็ดเลือดกำเดาแป๊ป.....

รูปภาพที่เกี่ยวข้อง

เรื่องย่อ : "ณ. สถานศึกษา มิฮามะ ที่ซึ่งมีเพียงนักเรียนหญิง 5 คนในโรงเรียนที่เข้ามาเรียนในโรงเรียนแห่งนี้ด้วยเหตุผลบางอย่าง จนกระทั่งนักเรียนคนที่ 6 และนักเรียนชายคนแรก คาซามิ ยูจิได้ย้ายมายังสถานศึกษาแห่งนี้ เรื่องราวของเหล่าหญิงสาวที่ถูกผูกมัดด้วยอดีตของพวกเธอได้เริ่มต้นขึ้น"

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ Grisaia no Rakuen kazuki

Non Non Biyori のんのんびより [รีวิวอนิเมะที่ดูแล้ว]


のんのんびより
Non Non Biyori
(Non Non Weather)


แนว คอมเมดี้เบา ๆ โรงเรียน ชนบท
13 ตอนจบ
ฉายเมื่อ 7 October 2013 – 23 December 2013

ภาพรวม : เรื่องนี้เป็นคอมเมดี้แบบเบา ๆ ไม่ได้ฮาถึงขั้นรุนแรงแบบท้องแข็งน้ำตาร่วงแต่อย่างใด เป็นฮาแบบสไตล์เรียบ ๆ ง่าย ๆ ไม่มีตัวละครใดมาตบมุข แต่จะเว้นช่วงให้ครุ่นคิดสักนิดก่อนจะฮา หลัก ๆ เป็นธีมสดใสของเด็กสาวชนบท ในชีวิตประจำวัน ชีวิตโรงเรียนซะมากกว่า
โดยรวมถือว่าสนุกดี
**โคมาริจัง กับโฮตารุจังน่ารักดี**

การดำเนินเรื่อง : แนวเรื่องเป็นการดำเนินชีวิตประจำวันไปเรื่อย ๆ 

ภาพ กราฟฟิก : ภาพสวย ตัวละครน่ารัก

เนื้อหา : เนื้อหาดี เหมาะกับทุกเพศทุกวัย ไม่ต้องคิดเยอะ เวลามีมุขจะเว้นช่วงให้เกิดความรู้สึกเอง

ความรู้สึก : รู้สึกดีกับเรื่องนี้ สนุกแบบซอฟท์ ๆ ดี

ความน่าสนใจ : น่าสนใจ สมควรดูเป็นอย่างยิ่ง

เรื่องย่อ : "Non Non Biyori กำกับโดยคุณ Kawamo Shinya ซึ่งเคยมีผลงานจากเรื่อง Kokoro Connect และ .hack//GIFT แล้วยังมีการประกาศนักพากย์หลัก 4 คน ดังนี้

Ichijou Hotaru เด็กประถมปีที่ 5 เมืองกรุงที่ย้ายมาอยู่บ้านนอก โตเกินวัย พากย์โดย Murakawa Rie (Futaba Aoi – Vividred Operation)

Miyauchi Renge เด็กประถมปีที่ 1 ผมสีม่วงทวินเทล พากย์โดย Koiwai Kotori (Haroukitei Kigurumi – Joshiraku, Mushanokoji Iwai - Dansai Bunri no Crime Edge)

Koshigaya Natsumi นักเรียนมัธยมต้นปีหนึ่ง สาวร่าเริงที่ชอบเล่นอะไรแผลงๆ พากย์โดย Sakura Ayane (Buratei Marii – Joshiraku, Isshiki Akane – Vividred Operation)

Koshigaya Komari นักเรียนมัธยมต้นปีที่สอง พี่สาวของนัตสึมิ อายุมากที่สุดในกลุ่มแต่สูงไม่ถึง 140 เซนติเมตร พากย์โดย Asumi Kana (Taneshima Popura – Working!!, Nyaruko - Haiyore! Nyaruko-san)

เรื่อง Non Non Biyori เคยประกาศทำภาคอนิเมะไปตั้งแต่ปลายกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา มังงะในไทยฉบับลิขสิทธิ์เป็นของสำนักพิมพ์รักพิมพ์ ในชื่อ สาวใสหัวใจบ้านทุ่ง เนื้อเรื่องย่อกล่าวถึงตัวละครหลักหญิง 4 คน และ 1 หนุ่ม (ที่ไม่ค่อยปรากฏในหน้าสี) กล่าวถึงชีวิตของ Ichijou Hotaru สาวประถม 5 ที่ดูโตเกินวัย (ผมสีดำในภาพ) เพิ่งย้ายจากเมืองโตเกียว มายังชีวิตในชนบทแบบนี้ พร้อมเพื่อนร่วมโรงเรียนชั้นมัธยม อย่าง Natsumi, Komari, Renge และพี่ชายของโคมาริที่ชื่อ สึกุรุ ที่เรียนในชั้นเรียนเดียวกันในย่านชนบท เรื่องราวจะกล่าวถึงสภาพแวดล้อมหลายๆ อย่างในเขตนอกเมือง, การตั้งประเด็นเรื่องต่างๆ ของเหล่าตัวละครหลัก และชีวิตของสาวชาวกรุงที่พบสภาพแวดล้อมใหม่ๆ ที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อน"

Maria†Holic まりあ†ほりっく [รีวิวอนิเมะที่ดูแล้ว]


まりあ†ほりっく
Maria†Holic 


12 ตอนจบ
แนว คอมเมดี้ ยูริ เลสเบี้ยน ฮา ๆ งง ๆ โรงเรียน อะไรวะ?
ฉายเมื่อ 5 January 2009 – 23 March 2009

ภาพรวม : เรื่องนี้ฮาแบบมึน ๆ งงเหลือเกิน ไร้สาระทุกตอน บทพูดเยอะมาก รู้สึกตัวอีกที อ๊ะ ตอน 12 จบแล้วเหรอฟระเนี่ย!!!

การดำเนินเรื่อง : เรื่องนี้ดูเรื่อยเปื่อย ไม่มีอะไร เป็นชีวิตในโรงเรียนของยัยสาวยูริไปวัน ๆ 

ภาพ กราฟฟิก : ถือว่าโอเค รับได้ เมะเก่าแล้ว ภาพก็สมัยยุคนั้น

เนื้อหา : จะว่าฮา ก็ฮาแค่บางมุข ส่วนมากเป็นมุขที่ "งง"

ความรู้สึก : งง ปน ฮา

ความน่าสนใจ : อืม.............

เรื่องย่อ : "เรื่องราวของ คานาโกะ เด็กสาวสวยเซ็กซี่ที่ดูจะเพรียบพร้อมไปเสียทุกอย่าง แต่นั่นกลับทำให้เธอโดนผู้ชายล้อจนกลายเป็นปมด้อยทำให้เกลียดผู้ชายไปในที่สุดเธอจึงหวังที่จะมาสร้างตำนานรักสีขาวกับสาวๆในโรงเรียนหญิงล้วนแทน แต่แล้วความซวยกลับมาเยื่อนโดยมิได้นัดหมาย เพราะ มาริยะ สาวน้อยน่ารักที่น่าจะเป็นรักแรกพบของเธอนั้น กลับเป็น…ชายที่ชอบแต่งกายเป็นหญิงซะงั้น"

Barakamon ばらかもん [รีวิวอนิเมะที่ดูแล้ว]


ばらかもん Barakamon
บารากะมอน เกาะมีฮา คนมีเฮ
แนว คอมเมดี้ มิตรภาพ ชีวิตชนบท


12 ตอนจบ
แนว คอมเมดี้ มิตรภาพ ชีวิตชนบท
ฉายเมื่อ 6 July 2014 – 27 September 2014

ภาพรวม : เรื่องนี้เป็นคอมเมดี้ใส ๆ ที่อาจมีฉากวายปรากฏเพื่อความฮาของตัวละครบางตัวบ้าง ไม่เพียงแค่คอมเมดี้ แต่ยังให้แง่คิด ข้อคิดของการใช้ชีวิต บอกเล่าผ่านเรื่องราวของชีวิตเรียบง่ายแสนสนุกของชนบท ที่ดูแล้วทั้งฮา และอบอุ่นหัวใจเป็นอย่างดีเลย

การดำเนินเรื่อง : เป็นการดำเนินเรื่องแบบเรื่อย ๆ พร้อมกับเนื้อเรื่องที่ดำเนินไป สอดแทรกข้อคิด และมิตรภาพที่อบอุ่นไว้

ภาพ กราฟฟิก : เรื่องภาพนั้นทำออกมาได้สวยดี

เนื้อหา : เนื้อหาเบา ๆ สบาย ๆ ตลก ฮา ขำกลิ้งแน่นอน

ความรู้สึก : หลังจากดูจบรู้สึกดีมาก สนุก และอบอุ่นหัวใจ

ความน่าสนใจ : น่าสนใจมาก ทั้งสนุก และอบอุ่น ได้แง่คิดอีกต่างหาก

เรื่องย่อ : "ในงานเลี้ยงผู้ได้รับรางวัล ฮันดะ เซย์ชู นักเขียนพู่กันหนุ่มเผลอเข้าไปชกหน้าผู้อำนวยการพิพิธภัณฑ์แสดงงานเขียนพู่กัน เพราะรับไม่ได้ที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ผลงานของตนอย่างเสีย ๆ หาย ๆ จนเป็นเรื่องราวใหญ่โต พ่อของเซย์ชูจึงส่งตัวลูกชายไปไปอยู่บนเกาะอันห่างไกลและแวดล้อมไปด้วยธรรมชาติ โดยหวังให้เขาค้นพบความเป็นมนุษย์ที่ขาดหายไป

ณ ที่นั้น เซย์ชูได้พบกับเด็กชาวเกาะ โคโตอิชิ นารุ เด็กหญิงตัวเล็กผู้ซึ่งแก่นแก้วไร้เดียงสา และค่อย ๆ สนิทกันมากขึ้นเรื่อย ๆ แม้ว่าเขาจะกังวลเรื่องความสัมพันธ์กับคนบนเกาะซึ่งดูมีเอกลักษณ์ไม่ซ้ำแบบใคร แต่ก็ดูเหมือนว่าเซย์ชูจะเริ่มค้นเจออะไรใหม่ ๆ บางอย่าง"

Angel Beats! エンジェルビーツ! [รีวิวอนิเมะหลังดูจบ]

エンジェルビーツ!
Angel Beats!
แองเจิลบีทส์! แผนพิชิตนางฟ้า


13 ตอนจบ + special
แนว คอมเมดี้ แอคชั่น ดราม่า โรงเรียน
ฉายเมื่อ 3 April 2010 – 26 June 2010

ภาพรวม : เรื่องนี้เปิดเรื่องมาแบบงง ๆ ดู ๆ ไปทำให้นึกไปถึงสึซึมิยะ ฮารูฮิ ให้อารมณ์ประมาณนั้นเลย ทั้งการดำเนินเรื่อง การตบมุข ปริศนา และความสัมพันธ์ แม้เรื่องจะเป็นแอคชั่นคอมเมดี้ แต่ดราม่านี่ทำเอาน้ำตาจะไหลเลย ตอนจบก็คลี่คลายปริศนาออกมาได้ด้วยดี

การดำเนินเรื่อง : เป็นสไตล์แบบเรื่อย ๆ พร้อมกับเดินเรื่องไปด้วยพร้อมกัน ปริศนาที่สงสัยก็ค่อย ๆ คลี่คลายออกให้ทราบความจริง 

ภาพ กราฟฟิก : ทำภาพออกมาได้สวยดี

เนื้อหา : เป็นเนื้อหาแบบปริศนา ชวนหาคำตอบ ซึ่งไม่ได้ทำให้ปวดหัวหรือยุ่งยากแต่อย่างใด เพราะในเรื่องเองก็คลี่คลายปริศนาให้ทั้งหมด โดยไม่ต้องไปปวดหัวหลังจากดูจบ

ความรู้สึก : เรื่องนี้ให้ความรู้สึกที่หลากหลาย เพราะเป็นคอมเมดี้ และหักมุมเราด้วยดราม่า แทบจะน้ำตาไหลกันเลยทีเดียว ถือว่าให้ความรู้สึกที่ดีกับเรื่องนี้มาก ๆ

ความน่าสนใจ : เรื่องนี้น่าสนใจมาก ถือได้ว่าสนุกเลยทีเดียว


เรื่องย่อ : "ณ โลกหลังความตาย เด็กหนุ่มนาม “โอโตนาชิ” ได้ลืมตาตื่นขึ้นมาพร้อมกับความจำเสื่อมและถูก “ยูริ” หญิงสาวให้เข้าร่วมกลุ่ม SSS (แนวรบโลกหลังความตาย) เพื่อร่วมต่อสู้กับตัวตนที่ใกล้เคียงพระเจ้ามาก ที่สุดนั้นคือ “นางฟ้า” ในทันที และเธอกำลังเล็งปืนไปที่หัวของนางฟ้าอยู่ ทว่าโอโตนาชิที่พึ่งรู้สึกตัวนั้น กลับไม่เชื่อในสิ่งที่เธอพูดและปฏิเสธคำเช­ิญของยูริหน้าตาเฉย และเดินไปหา “เทนชิ” (นางฟ้า) พร้อมกับบอกเรื่องที่เธอโดนเล็งหัวอยู่แต่­เทนชิกลับตอบไปว่า เธอไม่ใช่นางฟ้าเป็นเพียงประธานนักเรียน อยู่ๆ ก็มีมีดที่งอกออกมาจากแขนเสื้อของเทนชิก็แ­ทงที่ อกของโอโตนาชิ วันต่อมาเมื่อเขาลืมตาตื่นในห้องพยาบาล พบว่าไม่มีใครอยู่เขาจึงไปที่ห้องผอ. แต่ทันทีที่เขาเปิดประตูค้อนขนาดยักษ์ก็พุ­่งมาซัดเขากระเด็น กว่าจะรู้สึกตัวอีกครั้งเขาก็ถูกล้อมด้วยส­มาชิก SSS และเขาก็ถูกชวนเข้ากลุ่มอีกครั้ง ซึ่งครั้งนี้เขาได้ตกลงเข้าร่วมต่อสู้ด้วย­เพื่อต่อสู้กับนางฟ้าและตามหาความทรงจำของ­ตัวเอง…"

วันอังคารที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2558

Avantree Saturn Bluetooth Reciever and Transmitter Review

Avantree Saturn Bluetooth Reciever and Transmitter Review


คุณกำลังประสบปัญหาเหล่านี้ ใช่หรือไม่?
อุปกรณ์ของคุณ ไม่มีบลูทูต แต่อยากให้มันใช้บลูทูตได้ เช่น ทีวีของคุณมีช่องเสียบหูฟัง แต่ถ้าคุณจะเสียบหูฟังแล้วลากสายยาวไปจนถึงที่นั่งดูทีวี มันก็สายยาวเกะกะเอาเรื่อง หรือเครื่องเล่นเกมของคุณ ไม่รองรับบลูทูตรุ่นอื่น ๆ เลย ฯลฯ

ทำอย่างไรดีล่ะ?
วันนี้เราได้พบกับสิ่งที่จะทำให้ชีวิตของคุณง่ายขึ้น สะดวกสบายขึ้นอย่างแน่นอน

นี่คือ Avantree Saturn Bluetooth Reciever and Transmitter ชื่อยาว ๆ สักหน่อย เรียกสั้น ๆ ง่าย ๆ ก็ตัวรับ-ส่งสัญญาณบลูทูตนั่นเอง
แพคเกจกล่องเมื่อแกะออกมาก็จะเจอตัว Avantree Saturn Bluetooth Reciever and Transmitter สายชาร์จ สายสัญญาณแบบแจ๊ค 3.5 และสายแปลง 3.5 to RCA หรือ Component นั่นเอง
 คู่มือมีอธิบายการใช้งานไว้
 รวมถึงวิธีการเชื่อมต่อ
ด้านไหน บนหรือล่างดี เออ ช่างมันเถอะ ด้านนี้จะเป็นตัวเปลี่ยนโหมด
โหมดรับก็ RX
โหมดส่งก็ TX
อีกด้านก็จะเป็นรูแจ๊ค 3.5mm และพอร์ท Micro USB สำหรับชาร์จไฟ
 เสียบกับหูฟังในโหมด RX หรือโหมดตัวรับกันดูก่อน











เปิดใช้งานบลูทูตบน PC ค้นหา และเชื่อมต่อก็จะเจอ
ฟังก์ชั่นที่มีของเจ้าตัวนี้ ก็ปุ่ม Power ของมันสามารถใช้เป็น Play/Pause ได้
เสียงที่ขับออกมาจากตัวบลูทูตให้เสียงที่ดีใช้ได้ เบส กลาง แหลม มาครบ ๆ เลยทีเดียว
มาถึงอุปกรณ์บางอย่างที่รองรับบลูทูตเฉพาะ ซึ่งเปิดบลูทูตอื่นไปก็ค้นหาไม่เจอ เช่น PS4 / PS3
อันนี้เราก็เชื่อมต่อจากพอร์ท Optical

 จากนั้นมาเข้าตัวแปลง Optical to 3.5mm ของ Fiio
เปลี่ยนโหมดเป็น TX คือเป็นตัวส่ง
แน่นอน เรามีหูฟังบลูทูตของ SONY ที่ค้นหาใน PS4 เท่าไหร่ก็ไม่เจอ
การเชื่อมต่ออุปกรณ์ที่ไม่มีหน้าจอทั้งคู่ ทำได้โดยกดปุ่ม Power ค้างไว้ตั้งแต่ตอนปิดเครื่องสนิท จนกระทั่งไฟกระพริบถี่ ๆ (บางรุ่น/ยี่ห้อจะติดค้าง) เป็นการบังคับแพร์ เชื่อมต่อกันสำหรับอุปกรณ์ที่อยู่ใกล้ที่สุด
จากนั้นเปิดเพลงใน PS4 โอ้วว
เสียงมา ๆ ๆ ฟังได้ละเหวยยยย
 อุปกรณ์อื่นก็ได้ เช่น SAMSUNG Pebble เครื่องเล่น MP3 ตัวนี้ แค่เสียบเข้า
เชื่อมต่อเหมือนเดิมฟังเพลงได้แบบฟิน ๆ
หรือจะเชื่อมต่อกับลำโพงบลูทูตอื่น ๆ ก็ได้












แน่นอนว่า ไม่จำกัดเฉพาะอุปกรณ์ใดอุปกรณ์หนึ่ง ขอให้มันเอาเสียงออกมาทางแจ๊ค 3.5mm ได้ก็พอ แค่เสียบเข้า เลือกเป็นภาคส่ง ก็ฟังได้แบบไร้สาย สะดวกสบายแล้ว

สรุป ตัวนี้ราคาไม่แพง เบา ใช้งานต่อเนื่องได้นานหลายชั่วโมง ทำให้เกิดความสะดวกสบายมากขึ้น ใช้กับอุปกรณ์อะไรก็ได้ โดยรวมถือว่าคุ้มค่ามาก ๆ ^^

วันเสาร์ที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2558

Lenovo MiiX 3 Unbox and Mini Review

Lenovo MiiX 3 Unbox and Mini Review

สวัสดีเพื่อน ๆ ชาวไอที ที่ชื่นชอบใน Gadget ล้ำยุค สุดสะดวก (มั้ง) ทั้งหลาย วันนี้ก็มานำเสนอ Unbox and Mini Review เล็ก ๆ ของเจ้า Lenovo MiiX 3 ที่เป็น Window 8.1 with Bing Tablet สะดวกต่อการพกพาไปทำงาน หรือนั่งเล่นเว็ป เล่นเกมแฟลชบนเว็ป หรือเกมออนไลน์ที่ไม่ได้กิน Spec อะไรมาก

Unbox 



เครื่องนี้สั่งมาจาก Lazada ในราคา 12,350 บาท
(เป็นของคนที่ทำงานฝากให้สั่งให้ และลงโปรแกรมพื้นฐานที่จำเป็นก่อนส่งมอบให้)
เมื่อแกะกล่องออกมา ก็จะพบกับซองผ้าใส่อะไรสักอย่าง อยากรู้ก็ต้องแกะออกมาดู
เมื่อแกะซองผ้าออกมาดู มันคือ Keyboard เคสนั่นเอง และสกรีนภาษาไทยมาแล้วเรียบร้อย
ตัว Keyboard มีจุดพินทองแดงไว้เชื่อมต่อกับตัว Tablet
สามารถพับตั้งได้
เมื่อปิดพับลงไปก็จะเห็นโลโก้ วัสดุน่าจะเป็นหนังเทียม จับสัมผัสหนึบ ๆ มือ ไม่ลื่นแน่นอน
กล่องด้านล่าง เปิดออกจะเจอ Tablet
เมื่อนำตัว Tablet ออก ก็จะพบกับกล่องคู่มือ และอุปกรณ์ด้านใน
อุปกรณ์ที่แถมมาก็มีแค่ Adapter สำหรับชาร์จไฟ และสายชาร์จ
คู่มือ พร้อม Key สำหรับ Microsoft Office
มาดูตัว Tablet กันบ้าง
ขนาดหน้าจอ 10 นิ้ว กำลังดี สำหรับทำงานเอกสาร หรือดูเว็ป
ด้านหลังวัสดุเป็นพลาสติกด้าน จับ ๆ แตะ ๆ สัมผัสมีรอยนิ้วมือเป็นปื้น แน่นอน
 ด้านซ้ายของ Tablet ประกอบไปด้วย ลำโพง
ช่องเสียบ Micro SD Card
ช่อง Micro HDMI
ช่อง Micro USB สำหรับชาร์จหรือเสียบ OTG
และช่องเสียบหูฟัง
ด้านขวาจะมีปุ่มเพิ่ม-ลดเสียง
และปุ่ม Power แบบ 2 จังหวะ
2 จังหวะยังไง อ๊ะ งงอะดิ ตอนแรกเราเองก็งง เอ๊ะ ทำไมกดเปิดเครื่องแล้วมันไม่เปิดซะทีหว่า? กด ๆ กดค้างก็แล้ว ลองกดเข้าไปให้สุด มันมีอีกจังหวะหนึ่ง ถึงจะเปิดเครื่องได้ -_-

ด้านล่างเป็นหน้าสัมผัสสำหรับเชื่อมต่อ Keyboard
ด้านบนมีรูไมค์สำหรับสนทนา
เมื่อประกอบรวมร่างกัน ก็จะได้รูปทรง Notebook
เมื่อพับ ขนาดก็พอ ๆ กับกระเป๋าเอกสารขนาดย่อม ๆ เลยทีเดียว
 อีกฝั่ง
เทียบกับ Yoga Tablet 2 ของเราเอง
กดปุ่ม Power 1 ที ขณะกำลังเสียบสายชาร์จ (อันนี้เข้าใจผิดว่าไม่มีแบต กดเปิดไม่ติด เลยเสียบชาร์จ เพราะเรื่องของปุ่ม Power 2 จังหวะ 5555)
ใช้เวลาเปิดเครื่อง บูทเครื่องเร็วมาก แปปเดียวก็เข้าสู่ระบบได้แล้ว
หน้าจอบังคับ
เลือกสีสันกันตามสบายเลย













นำมาวางเทียบกับ Yoga Tablet 2 (ขวา) ของเราเอง


ขนาดพื้นที่ 64Gb ใช้ได้จริง ๆ 51.8 Gb พื้นที่เหลือ 48.7 Gb เท่ากับว่า ระบบ Window และโปรแกรมที่แถมมากินพื้นที่ไป 3.1 Gb










SPECIFICATION


  • Intel Atom Z3735F Quad-core Processor 1.33GHz up to 1.86GHz
  • Windows8.1 update Free Microsoft office 365
  • 2GB LP-DDR3
  • ROM 64GB
  • 10.2” Full-HD IPS (1920 x 1200)
  • Micro-USB 2.0 x 2port, Audio Combo Jack, Micro SD, Micro HDMI-out
  • Camera F/R 2.0MP/ NON
  • Battery usage time up to 10Hrs.
  • Wifi IEEE802.11B/G/N
  • Blue tooth 4.0
  • Weight 549g.
  • 1-year Regional Carry-in




























Features



  • ระบบปฎิบัติการ Windows 8.1
  • รองรับการสัมผัสได้ 10 จุด
  • Motion Control ล้ำสมัยสุดๆ ด้วยระบบสั่งการด้วยท่าทาง (ยังไม่ได้ลอง)
  • สุดล้ำกับระบบล็อกอินตัวเครื่องด้วยระบบแสกนใบหน้ากับ Lenovo Veriface (ยังไม่ได้ลอง)


SCREEN


 สำหรับหน้าจอ Full HD 1920x1080 ความสว่างถ้าปรับสุด ๆ นี่ถือว่าเนียนตาดี
มุมมองในองศาอื่น ๆ ด้านข้างก็ทำได้ดีในระดับหนึ่ง
แม้ว่าจะมองจากด้านข้าง ก็ยังเห็นภาพแบบคมชัดอยู่


สุดท้ายนี้ เจ้าเครื่องตัวนี้เป็นเครื่องฝากซื้อ และฝากจัดการเครื่องให้ คงไม่ได้ลองเล่นอะไรมากมาย 

สรุป

จุดเด่น
  • น้ำหนักเบา กระทัดรัด พกพาสะดวก
  • เป็นระบบ Window ที่คุ้นเคย ง่ายต่อการใช้งานแทน PC เมื่ออยู่ข้างนอก เช่น ทำงาน เป็นต้น
  • หน้าจอคม สวย สีสันสดใส ความสว่างกำลังดี
  • ใช้งานได้ยาวนาน เคลมมาว่า 10 ชั่วโมง
จุดด้อย

  • การตอบสนองยังไม่เร็วเท่าที่ควร มีความช้ากว่า Yoga Tablet ที่เราใช้เองอยู่
  • ช่องเสียบ Micro USB เป็นทั้งช่องชาร์จไฟ และช่องเชื่อมต่อ ทำให้เชื่อมต่ออุปกรณ์อื่นลำบาก
  • ลำโพงออกเสียงแหลม ๆ แถมมีลำโพงเดียว
โดยรวมถือว่าดีอยู่ในระดับหนึ่ง ^^